เบีย (Message Wall | ส่วนร่วม) ล (www.mdinfo-thai.com/movie/โรงแรมนรก) |
เบีย (Message Wall | ส่วนร่วม) ล (www.mdinfo-thai.com/movie/โรงแรมนรก) |
||
บรรทัดที่ 88: | บรรทัดที่ 88: | ||
</tabber> |
</tabber> |
||
== '''เกร็ด''' == |
== '''เกร็ด''' == |
||
− | * ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 ม.ม. บันทึกเสียงในฟิล์ม ด้วยเสียงจริงของนักแสดง ในขณะที่ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นนิยมถ่ายด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. ใช้เสียงนักพากย์ อีกทั้งดนตรีประกอบโดย ปรีชา เมตไตรย์ บันทึกเสียงโดย ปง อัศวินิกุล |
+ | * ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 ม.ม. บันทึกเสียงในฟิล์ม ด้วยเสียงจริงของนักแสดง ในขณะที่ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นนิยมถ่ายด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. ใช้เสียงนักพากย์ อีกทั้งดนตรีประกอบโดย ปรีชา เมตไตรย์ และบันทึกเสียงโดย ปง อัศวินิกุล |
* ภาพยนตร์เรื่องนี้ รัตน์ เปสตันยี รับหน้าที่กำกับ อำนวยการสร้าง ตัดต่อ และเขียนบทเอง เพื่อทดลองว่าการถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. ขาวดำนั้นมีการลงทุนที่ต่ำกว่าหนังที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มสี อีกทั้งยังสามารถล้างและพิมพ์ฟิล์มได้ภายในประเทศไม่จำเป็นต้องส่งไปยังแล็ปในต่างประเทศ เป็นเสมือนการเชิญชวนให้คนทำหนังในเวลานั้นหันมาสนใจสร้างภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 35 มม. กันมากขึ้นเพื่อช่วยกันยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ |
* ภาพยนตร์เรื่องนี้ รัตน์ เปสตันยี รับหน้าที่กำกับ อำนวยการสร้าง ตัดต่อ และเขียนบทเอง เพื่อทดลองว่าการถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. ขาวดำนั้นมีการลงทุนที่ต่ำกว่าหนังที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มสี อีกทั้งยังสามารถล้างและพิมพ์ฟิล์มได้ภายในประเทศไม่จำเป็นต้องส่งไปยังแล็ปในต่างประเทศ เป็นเสมือนการเชิญชวนให้คนทำหนังในเวลานั้นหันมาสนใจสร้างภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 35 มม. กันมากขึ้นเพื่อช่วยกันยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ |
||
* ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับการแสดงเรื่องที่สองของ รัตน์ เปสตันยี ต่อจากภาพยนตร์เรื่อง ''[[ตุ๊กตาจ๋า (2494)]]'' ซึ่งเป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม. |
* ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับการแสดงเรื่องที่สองของ รัตน์ เปสตันยี ต่อจากภาพยนตร์เรื่อง ''[[ตุ๊กตาจ๋า (2494)]]'' ซึ่งเป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม. |
||
+ | |||
+ | * ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับภาพโดย ประสาท สุขุม A.S.C. ถือว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่ำเรียนและฝึกงานถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮอลลีวู้ด และเป็นสมาชิกสมาคมช่างถ่ายภาพยนตร์อเมริกัน (ASC) เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย |
||
* ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับศิลป์โดย สวัสดิ์ แก่สำราญ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การวางโครงเรื่องที่แยบยลว่าเรื่องเกิดขึ้นในเวลาต่อเนื่องเพียงข้ามคืน และเกิดอยู่ภายในสถานที่ฉากเดียว โรงแรมนรกสามารถสร้างความสนุกอย่างไม่คาดคิดและดึงความสนใจของผู้ชมได้ตลอดประกอบด้วยการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำ ซึ่งดูกลมกลืนและลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ฉากเดียวเท่านั้น |
* ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับศิลป์โดย สวัสดิ์ แก่สำราญ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การวางโครงเรื่องที่แยบยลว่าเรื่องเกิดขึ้นในเวลาต่อเนื่องเพียงข้ามคืน และเกิดอยู่ภายในสถานที่ฉากเดียว โรงแรมนรกสามารถสร้างความสนุกอย่างไม่คาดคิดและดึงความสนใจของผู้ชมได้ตลอดประกอบด้วยการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำ ซึ่งดูกลมกลืนและลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ฉากเดียวเท่านั้น |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:26, 19 พฤษภาคม 2563
โรงแรมนรก (2500) | |
ประเภท : | Comedy / Crime / Romance / ขาว-ดำ |
ผู้กำกับ : | รัตน์ เปสตันยี |
บทภาพยนตร์ : | รัตน์ เปสตันยี |
บริษัทผู้สร้าง : | หนุมานภาพยนตร์ |
วันที่เข้าฉาย : | 21 กันยายน 2500 |
โรงแรมนรก (อังกฤษ: Country Hotel) เป็นภาพยนตร์ไทยขาวดำ ฟิล์ม 35 ม.ม.ที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2500 เป็นผลงานการกำกับของ รัตน์ เปสตันยี ซึ่งเล่าเรื่องเหตุการณ์หนึ่งวันหนึ่งคืนในโรงแรมสวรรค์ โรงแรมเล็กๆในชนบทแห่งหนึ่งถ่ายทำทั้งเรื่องด้วยการสร้างฉากเกือบจะฉากเดียวในโรงถ่ายภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย |
เรื่องย่อ
โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดที่ชื่อว่า โรงแรมสวรรค์ ที่มีลุงและหลานสองคนดูแลกิจการร่วมกัน ฝ่ายหลานชายนั้นนักแสวงโชคที่หวังจะหาเงินเล็กๆน้อยๆเข้ากระเป๋าจากการรับพนันงัดข้อกับ น้อย (ประจวบ ฤกษ์ยามดี) หลานชายคนดูแลกิจการโรงแรมที่อ้างว่าเป็นนักเลงงัดข้อแชมเปี้ยนโลก นอกจากเป็นบริกรของโรงแรมแล้ว ห้องพักเพียงห้องเดียวของโรงแรมแห่งนี้ถูกจับจอง โดยชายหนุ่มที่ชื่อว่า ชนะ (ชนะ ศรีอุบล) ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยว่า เขาเลือกแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ เจ้าของห้องพักเพียงห้องเดียวในโรงแรมผู้ที่ไม่ยอมเปิดเผยวัตถุประสงค์ของการมาเยือนโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆของแขกมากหน้าหลายตา ที่มาเยือน
แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เขาไม่ค่อยพอใจกับสภาพอันวุ่นวายโกลาหลภายในโรงแรม ซึ่งมีคนพลุกพล่านและส่งเสียงอึกทึกครึกโครมตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นพวกนักดนตรีที่มาขออาศัยห้องโถงของโรงแรมฝึกซ้อมเพลง, ศาสตราจารย์สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) พูดถึงวงการศิลปินเมืองไทยในเชิงเหยียดหยาม แต่ตัวเขากลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าที่ติดค้างโรงแรมเป็นเวลานาน ก็ดูเหมือนจะเป็นการเหน็บแนมบรรดาคนหัวสูงที่เห็นของนอกดีกว่าของไทย หรือในช่วงถัดมา โรงแรมสวรรค์ของน้อยก็ได้ต้อนรับชายหญิงคู่หนึ่งที่ล่ามโซ่ตัวเองไว้ที่ข้อมือ ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอชื่อ ยุพดี (ชูศรี มีสมมนต์) เพิ่งแต่งงานกับสามีที่ชื่อ หม่องส่าง และสาเหตุที่ต้องล่ามโซ่ ก็เพราะพ่อของฝ่ายชายกลัวเธอจะหนีไปมีชู้
เรียม (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) สาวลึกลับที่บอกว่ามี อายุ 65 ปี มีลูก 12 คน อาชีพค้าฝิ่นเถือน เป็นม่าย ผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับชนะอย่างโจ่งแจ้งแต่ต้องกลับกลายมาเป็นคู่รักกันในยามคับขัน เมื่อชนะไม่ยินยอมให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และอาศัยความเหนือกว่าด้านพละกำลังบังคับให้ฝ่ายหลังต้องใช้เก้าอี้ยาวในห้องโถงเป็นเตียงนอน คนหนึ่งเถรตรงและแข็งกระด้าง ส่วนอีกคนเอาแต่ใจ และชอบอาศัยความเป็นผู้หญิงหว่านล้อมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือยั่วโทสะให้อีกฝ่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ความขัดแย้งของคนทั้งสองก็เป็นแค่เรื่องพ่อแง่แม่งอน
ภายหลังการมาถึงของแขกไม่ได้รับเชิญสามคน คือ เสือสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์) ซึ่งเป็นหัวโจก สมุนคนรอง ชื่อว่า ไกร (ไกร ภูตโยธิน) และคนสุดท้าย เชียร (วิเชียร ภู่โชติ) ทั้งสามล่วงรู้ว่า ชนะ เป็นสมุห์บัญชีของบริษัทปรีดาไทย เขาแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้เพื่อรอรับเงิน 6 แสนบาทที่จะนำไปแจกจ่ายให้คนงาน แต่ไม่มีใครอาจรู้ได้ว่า เงินจำนวนมหาศาลนั้นจะมาถึงตอนไหน และใครเป็นคุมมา เงื่อนไขที่ทำให้เรื่องยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีกก็คือ เสือสิทธิ์กับพวกไม่ใช่กลุ่มเดียวที่หวังจะเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน แต่ยังมี เสือดิน (ทัต เอกทัต) จอมโจรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมทารุณอีกคนที่ต้องการได้ครอบครองเงินก้อนเดียวกัน และปริศนาทั้งหมดถูกคลี่คลายโดยตำรวจที่มาเยือนในท้ายเรื่อง
นักแสดง
นักแสดง | รับบทเป็น |
---|---|
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ | เสือสิทธิ์ |
ชนะ ศรีอุบล | ชนะ |
ประจวบ ฤกษ์ยามดี | น้อย |
ศรินทิพย์ ศิริวรรณ | เรียม |
ทัต เอกทัต | เสือดิน |
สมพงษ์ พงษ์มิตร | ศาสตราจารย์สมพงษ์ |
ชูศรี มีสมมนต์ | ยุพดี |
ไกร ภูตโยธิน | ไกร |
วิเชียร ภู่โชติ | เชียร |
ถนอม อัครเศรณี | ลุงเจ้าของโรงแรมสวรรค์ |
ภัคพงษ์ รังควร | |
Flor Oriente |
Image Gallery & วีดีโอ
เกร็ด
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 ม.ม. บันทึกเสียงในฟิล์ม ด้วยเสียงจริงของนักแสดง ในขณะที่ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นนิยมถ่ายด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. ใช้เสียงนักพากย์ อีกทั้งดนตรีประกอบโดย ปรีชา เมตไตรย์ และบันทึกเสียงโดย ปง อัศวินิกุล
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ รัตน์ เปสตันยี รับหน้าที่กำกับ อำนวยการสร้าง ตัดต่อ และเขียนบทเอง เพื่อทดลองว่าการถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. ขาวดำนั้นมีการลงทุนที่ต่ำกว่าหนังที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มสี อีกทั้งยังสามารถล้างและพิมพ์ฟิล์มได้ภายในประเทศไม่จำเป็นต้องส่งไปยังแล็ปในต่างประเทศ เป็นเสมือนการเชิญชวนให้คนทำหนังในเวลานั้นหันมาสนใจสร้างภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 35 มม. กันมากขึ้นเพื่อช่วยกันยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ
- ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับการแสดงเรื่องที่สองของ รัตน์ เปสตันยี ต่อจากภาพยนตร์เรื่อง ตุ๊กตาจ๋า (2494) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม.
- ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับภาพโดย ประสาท สุขุม A.S.C. ถือว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่ำเรียนและฝึกงานถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮอลลีวู้ด และเป็นสมาชิกสมาคมช่างถ่ายภาพยนตร์อเมริกัน (ASC) เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย
- ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับศิลป์โดย สวัสดิ์ แก่สำราญ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การวางโครงเรื่องที่แยบยลว่าเรื่องเกิดขึ้นในเวลาต่อเนื่องเพียงข้ามคืน และเกิดอยู่ภายในสถานที่ฉากเดียว โรงแรมนรกสามารถสร้างความสนุกอย่างไม่คาดคิดและดึงความสนใจของผู้ชมได้ตลอดประกอบด้วยการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำ ซึ่งดูกลมกลืนและลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ฉากเดียวเท่านั้น
- หลายฉากในภาพยนตร์ยังแสดงถึงอารมณ์ขันของผู้สร้าง ที่มีการล้อเลียนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึงเรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย (2492) หรือแม้แต่ ชั่วฟ้าดินสลาย (2498) ภาพยนตร์ของตัวผู้สร้างเอง และเสียดสีวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้น
- ในปีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากความล้ำสมัยของเนื้อหา และการนำเสนอตัวละครที่ฉีกแนว ตัวพระ-นาง มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนเรื่องอื่น และบทภาพยนตร์ที่ใช้สร้าง เขียนขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์โดยเฉพาะ ไม่ได้นำเนื้อเรื่องมาจากนวนิยายที่มีความนิยมอยู่ก่อนแล้ว
- ต้นฉบับฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้สูญหายไปจากประเทศไทยเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 หอภาพยนตร์แห่งชาติ ได้รับมอบฟิล์มภาพยนตร์ที่สร้างในระหว่างปี พ.ศ. 2498-2512 จากห้องแล็บของบริษัทแรงค์ แลบอราทอรี่ส์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเก็บรักษาในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ จำนวนประมาณ 20 เรื่อง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำมาจัดจำหน่ายในรูปแบบดีวีดี โดย มูลนิธิหนังไทย เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ พร้อมกับภาพยนตร์เรื่องอื่นที่ รัตน์ เปสตันยี กำกับและอำนวยการสร้าง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู โดยหอภาพยนตร์แห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2548
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็นภาพยนตร์ไทย 1 ในจำนวน 25 เรื่องที่ได้ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ โดยหอภาพยนตร์แห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2554
รางวัล และอนุสรณ์
- รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2502
- ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม (รัตน์ เปสตันยี)
- บันทึกเสียงยอดเยี่ยม (ปง อัศวินิกุล)
- ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ประเภทฟิล์ม 35 ม.ม. (ประสาท สุขุม)
- โครงการของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
- 100 ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู ประเภทภาพยนตร์ดำเนินเรื่อง (พ.ศ. 2548)
- มรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2554)
- 70 สุดยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2561) จัดโดย คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ