หนีตามกาลิเลโอ (2552)

หนีตามกาลิเลโอ (2552)

ประเภท :	Drama / Adventure / Romance / Teen
ผู้กำกับ :	นิธิวัฒน์ ธราธร
บทภาพยนตร์ :	โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล, นิธิวัฒน์ ธราธร
บริษัทผู้สร้าง :	จีทีเอช, จอกว้างฟิล์ม
วันที่เข้าฉาย :	23 กรกฎาคม 2552
หนีตามกาลิเลโอ (ชื่อเดิม:* กาลิเลโอ เพราะโลกมีแรงดึงดูด)* เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2552 กำกับโดยนิธิวัฒน์ ธราธร โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้วัยรุ่นสาวไทย 2 คนเป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ และไปถ่ายทำไกลถึง 3 ประเทศ 3 เมือง คือ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ เวนิส ประเทศอิตาลี

เรื่องย่อ

ปลายศตวรรษที่ 16 เมืองปิซา ประเทศอิตาลี กาลิเลโอ ประกาศผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขาว่า วัตถุ 2 ชิ้นที่มีรูปทรงเดียวกัน และประกอบขึ้นด้วยมวลสารเดียวกัน จะตกถึงพื้นพร้อมกัน แม้จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน อีกทั้งยังประกาศความเชื่อว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล การปฏิบัติตัวขัดแย้งกับศาสนจักรเช่นนี้ ทำให้ กาลิเลโอ ถูกจับขัง สิ้นสูญอิสรภาพ และชีวิตก็ตกระกำลำบากนับจากนั้น

ปี 2009 กรุงเทพฯ ประเทศไทย ห่างจากที่เกิดเหตุแรก 1/4 เส้นรอบวงโลก เด็กสาว 2 คนกำลังประสบปัญหาหนักหน่วงที่สุดในชีวิต เชอรี่ (ชุติมา ทีปะนาถ) นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ถูกตัดสิทธิ์สอบและต้องพักการเรียนเป็นเวลา 1 ปี ด้วยความผิดที่เจ้าตัวเห็นว่าเล็กน้อย นั่นคือปลอมลายเซ็นอาจารย์ในใบขออนุญาตใช้ห้องเขียนแบบ

นุ่น (จรินทร์พร จุนเกียรติ) สาวร่าเริงแสนงอน เคยท้าเลิกกับแฟนหนุ่ม ตั้ม (ธนากร ชินกูล) มาแล้วหลายครั้ง ทว่า ตั้ม เป็นต้องงอนง้อขอคืนดีกับเธออยู่ร่ำไป แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง ตั้ม ตัดสินใจรับคำบอกเลิกของเธอแต่โดยดี ทั้ง นุ่น และ เชอรี่ ต่างรู้สึกอยากหนีไปให้ไกลจากสถานที่เกิดปัญหา จึงจูงมือกันบินข้ามหลายเส้นรุ้งและอีกหลายเส้นแวง ปลดแอกตัวเองจากแรงดึงดูดของชีวิตทันที

แผนของทั้งคู่นั้นแสนง่าย มุ่งมั่นทำงานบริกร เพื่อเก็บเงินไปท่องเที่ยวให้มากที่สุด เป้าหมายของพวกเธอคือ 3 เมืองใหญ่แห่งยุโรปอย่าง ลอนดอน ปารีส และเวนิส สถานที่สำคัญๆ ถูกหมุดหมายลงในใจของสองสาว ไม่ว่าจะเป็นสโตนเฮนจ์ ทาวเวอร์บริดจ์ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โคลอสเซียม เรือกอนโดลา และ หอเอนปิซา

ก่อนออกเดินทาง ทั้งคู่ทำสัญญาใจกันไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามทิ้งกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องคาดไม่ถึงสารพัด บางครั้งคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะก็ถูกสั่นคลอนเสียง่ายๆ เมื่อเจ้าของคำสัญญาอ่อนล้าจากภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน และบางทีมิตรภาพยาวนานก็แทบถึงกาลแตกหัก ด้วยเหตุผลที่เหมือนจะไม่เป็นเหตุผลว่าเบื่อขี้หน้ากัน

นุ่น ยังคาดไม่ถึงอีกด้วยว่า เธอหนี ตั้ม คนหนึ่งไปไกลถึง 1/4 ของโลก เพียงเพื่อจะไปพบความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอีก ตั้ม (เร แม๊คโดแนลด์) ส่วน เชอรี่ ก็คาดไม่ถึงว่าความตั้งใจที่จะออกเดินทางให้หลุดพ้นจากกฎโง่ๆ ของโลก กลับทำให้เธอเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน ทุกคนต่างอยู่บนกฎพื้นฐานข้อเดียวกัน นั่นคือเราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก เช่นเดียวกับที่โลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล

นักแสดง

ชุติมา ทีปะนาถ เชอรี่	จรินทร์พร จุนเกียรติ นุ่น	เรย์ แมคโดนัลด์ ตั้ม (พิสิทธ์)

นักแสดงสมทบ-รับเชิญ :
- ธนากร ชินกูล – ตั้ม (แฟนเก่าของนุ่น)
- วงศกร รัศมิทัต – พ่อของเชอรี่
- จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร – พ่อของนุ่น
- ชำนิ ทิพย์มณี – พี่ทอม
- กันต์ ชุณหวัตร – องุ่น

Image Gallery

เกร็ด

ในภาพยนตร์ ตัวละคร เชอรี่ ที่รับบทโดย ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ มีปัญหาต้องเรียนซ้ำ 1 ปีเพราะทำผิดกฎที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุการณ์นี้คล้ายกับชีวิตจริงของผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ที่เคยเกือบไม่ได้รับปริญญาจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะมีเรื่องทะเลาะกับอาจารย์

ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร อยากสร้างภาพยนตร์ที่ว่าด้วยชีวิตคนไทยในต่างแดนมาตั้งแต่ก่อนกำกับเรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549) แต่เป็นเพราะยังไม่พร้อม จึงไม่ได้สานต่อความคิดดังกล่าวอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้รับแรงสนับสนุนจาก โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล ผู้ร่วมเขียนบทที่เคยผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตไกลบ้าน และผู้อำนวยการสร้าง เก้ง - จิระ มะลิกุล

ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ใช้ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 2 ชิ้นของ กาลิเลโอ มาเปรียบเปรยประเด็นของภาพยนตร์ หนึ่งคือทฤษฎีที่ว่า วัตถุ 2 ชิ้นที่มีรูปทรงเดียวกันและประกอบด้วยมวลชนิดเดียวกัน แม้จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกัน สองคือการที่ กาลิเลโอ ประกาศยืนยันสมมติฐานของ โคเปอร์นิคัส ว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล

ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร เลือก ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ, เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ และ เร แม๊คโดแนลด์ มาเป็นนักแสดงหลักของเรื่อง เพราะคิดว่าพวกเขามีบุคลิกส่วนตัวตรงกับตัวละคร ต่าย เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงเหมือน เชอรี่ ส่วน เต้ย เป็นคนสดใสร่าเริงเหมือน นุ่น ส่วน เร รักการเดินทางและมีบุคลิกแปลกไม่เหมือนใครเหมือน ตั้ม

ในตอนแรก ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ไม่แน่ใจว่า ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ และ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ที่อายุห่างกัน จะสามารถแสดงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันได้หรือไม่ แต่เมื่อให้ทั้งคู่ลองแสดงด้วยกัน ต้น ก็เห็นว่าไม่มีปัญหาน่าหนักใจอะไร ต่าย และ เต้ย จึงได้รับบท เชอรี่ และ นุ่น ตามลำดับ

ในตอนแรก ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร กำหนดให้ตัวละคร ตั้ม มีอายุประมาณ 26-27 ปี จึงไม่แน่ใจว่า เร แม๊คโดแนลด์ ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีแล้วจะเหมาะสมกับบทหรือไม่ แม้แต่ เร เองก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน แต่เมื่อให้ลองแสดงดูแล้ว ต้น คิดว่า เร ทำให้ตัวละคร ตั้ม มีความน่าเชื่อถือ มีมิติ และน่าสนใจมากขึ้น

วงศกร รัศมิทัต หรือ ต้น แมคอินทอช ที่มารับบทเป็น คุณพ่อของเชอรี่ เคยแสดงในภาพยนตร์ของผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร มาก่อนแล้ว นั่นคือเรื่อง แฟนฉัน (2546) ในบทพ่อของเจี๊ยบ

แผนกคัดเลือกนักแสดงหาคนมารับบท พี่ทอม อยู่นาน จนกระทั่งผู้อำนวยการสร้าง เก้ง - จิระ มะลิกุล แนะนำให้เลือก ชำนิ ทิพย์มณี เพราะ ชำนิ เคยเดินทางไปอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียว แล้วดิ้นรนทำงานและเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับ พี่ทอม ในเรื่อง และเนื่องจากชำนิ ทิพย์มณีเป็นช่างภาพที่มีฝีมือ ผู้สร้างจึงให้เขาช่วยถ่ายภาพใบปิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

ผู้ทำงานเบื้องหลังตัวหลักๆ รวมถึงนักแสดงหลักนั้นรวมทั้งหมดมีเพียง 15 คน ซึ่งมีข้อดีคือทำให้เป็นกองถ่ายที่คล่องตัวสูง เหมาะกับการถ่ายทำในต่างประเทศ แต่ข้อเสียคือทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลาจำกัด 2 เดือน คนหนึ่งจึงต้องทำหลายหน้าที่ เช่น เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ที่รับบท นุ่น กับ ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ที่รับบท เชอรี่ ต้องแต่งหน้าทำผมให้ตัวเองด้วย

ก่อนออกเดินทางไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ ผู้สร้างเตรียมงานและแบ่งตำแหน่งงานกันอย่างละเอียด รวมทั้งส่งทีมงานส่วนหนึ่งไปสำรวจสถานที่ วางแผนการถ่ายทำ และจัดการประสานงานไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากการถ่ายทำในต่างประเทศนั้นมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าการถ่ายทำในประเทศไทย เช่น ไม่สามารถขอปิดถนนได้ง่ายๆ

ขณะถ่ายทำที่ประเทศอังกฤษนั้น ผู้สร้างไม่พบปัญหาเรื่องการสื่อสารเท่าใดนัก แต่เมื่อถ่ายทำในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี พวกเขาจะต้องใช้ล่ามอยู่ตลอดเวลา และผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ก็ต้องเปลี่ยนมาออกคำสั่งให้หยุดแสดงและเริ่มแสดงเป็นภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาอังกฤษ นั่นคือสั่งว่า กุ๊ปเป้ แทนคำว่า คัต และสั่งว่า อั๊กซิอง แทนคำว่า แอกชัน มิฉะนั้นนักแสดงประกอบชาวฝรั่งเศสจะฟังไม่ออก

ขณะอยู่ในต่างประเทศ ผู้สร้างคัดเลือกนักแสดงประกอบชาวต่างชาติ โดยใช้ห้องนั่งเล่นในอพาร์ตเมนต์ที่เช่าอยู่เป็นสถานที่คัดตัว และเนื่องจากกลุ่มผู้สร้างเป็นกันเองมาก เช่น นุ่งกางเกงเลนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ชาวต่างชาติจึงพากันงงหรือบางคนก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาเป็นกองถ่ายภาพยนตร์จริงๆ

ผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร เล่าว่านักแสดงประกอบชาวต่างชาติเป็นมืออาชีพมาก ถึงแม้บทจะน้อย แต่ก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทอย่างละเอียด เช่น เรื่องการแต่งตัวและพื้นเพของตัวละคร นักแสดงประกอบคนหนึ่งถึงกับลงทุนนำเสื้อผ้ามามายมาย เพื่อให้ผู้สร้างเลือกว่าเขาควรจะแต่งตัวแบบไหน

ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ คิดว่าตัวเองคล้าย เชอรี่ ตัวละครที่ตนแสดงตรงที่เป็นคนติดเพื่อน รักเพื่อน แต่ส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ เชอรี่ ห้าวและกล้าหาญกว่า ต่าย มาก

เมื่อ ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ได้รู้เรื่องคร่าวๆ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้หญิง 2 คนที่ไปผจญภัยในยุโรปด้วยกัน ต่าย ก็อยากร่วมแสดงด้วยทันที และได้บอกผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ไปตรงๆ หลังจากนั้น 3 เดือน ต้น ก็เรียก ต่าย เข้าไปลองทดสอบบท และในที่สุด ต่าย ก็ได้รับบท เชอรี่ สมความตั้งใจ

ตอนอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรก ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ผู้รับบท เชอรี่ ร้องไห้ออกมาด้วยความประทับใจ ซึ่งการอ่านบทครั้งนั้นเป็นการอ่านแบบ รีด ธรู (Read Through - การที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกันอ่านบท เพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน) และทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ประทับใจจนร้องไห้ออกมากันหมดเช่นกัน

ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ผู้รับบท เชอรี่ เคยร่วมงานกับผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือในภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549)

ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ผู้รับบท เชอรี่ ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่แสดงยากที่สุดตั้งแต่ ต่าย เคยแสดงมา นั่นคือฉากร้องไห้ ที่มีทั้งพูดไปร้องไห้ไป หรือพูดๆ อยู่แล้วน้ำตาค่อยๆ ไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้น และฉากดีใจจนน้ำตาคลอ ซึ่ง ต่าย ต้องกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าและแววตาดีใจด้วย

แม้จะถ่ายทำในช่วงฤดูหนาว แต่ตามบทภาพยนตร์นั้น เรื่องราวไม่ได้เกิดในฤดูหนาว นักแสดงจึงต้องทนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น เช่น สวมเพียงเสื้อนอกแบบแจ็กเก็ต ขณะที่อากาศมีอุณหภูมิประมาณ -5 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังต้องพูดบทให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งๆ ที่กำลังหนาวสั่น ระหว่างที่หยุดถ่ายทำและรอการถ่ายทำฉากต่อไป นักแสดงต้องรีบวิ่งกลับมาใส่เสื้อให้หนาขึ้นทันที

ในบรรดา 3 ประเทศต่างแดนที่เป็นสถานที่ถ่ายทำ ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ ผู้รับบท เชอรี่ ชอบประเทศอิตาลีมากที่สุด เพราะมีอาคารบ้านเรือนและถนนที่เก่าแก่สวยงาม มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ส่วนเมืองที่ ต่าย ชอบมากที่สุดในประเทศอิตาลีคือเมืองเวนิส ซึ่งเต็มไปด้วยคลองและการสัญจรทางเรือ และเป็นเมืองที่ ต่าย นึกอยากไปเยี่ยมชมมาตลอด

เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ คิดว่าตัวเองคล้ายกับ นุ่น ตัวละครที่ตนแสดงตรงที่เป็นคนร่าเริง ยิ้มง่าย และกล้าทำอะไรต่างๆ เมื่อมีเพื่อนอยู่ด้วย ขณะเดียวกัน เต้ย คิดว่าตนมีบางอย่างคล้าย เชอรี่ ตัวละครที่ ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ แสดงด้วยเช่นกัน ตรงที่ชอบวาดรูป ชอบทำอะไรเลอะเทอะ และไม่มีระเบียบ

เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท นุ่น เคยเปรยกับคุณแม่ของเธออยู่เสมอว่าอยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เมื่อได้ไปคุยกับผู้สร้างภาพยนตร์ แล้วได้ทราบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นที่เดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เต้ย ก็หันไปมองหน้าคุณแม่ทันที ด้วยความดีใจและแปลกใจในความบังเอิญนี้

เหตุผลเดียวที่ทำให้ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ลังเลใจว่าจะรับบทเป็น นุ่น ในภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ คือการต้องพักการเรียน หลังจากปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ของเธออยู่นาน เต้ย ก็ตัดสินใจยอมพักการเรียนชั่วคราว เพื่อหาประสบการณ์ชีวิตจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้

เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท นุ่น เล่าว่าขณะผู้สร้างและนักแสดงพักอยู่ที่บ้านเช่าในลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลายๆ คนมีหน้าที่ผลัดกันทำกับข้าว และผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ทำสเต็กหมูได้อร่อยมาก

อุปสรรคในการทำงานที่หนักหนาที่สุดสำหรับ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท นุ่น คืออากาศหนาว ที่ประเทศอังกฤษฝนตกบ่อย และยิ่งฝนตกก็จะยิ่งหนาว ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศสหนาวมากจน เต้ย ต้องเอาถุงให้ความร้อนมาแปะตามตัว แต่ที่แปลกก็คือ เต้ย ไม่เคยไม่สบายในประเทศเมืองหนาวเหล่านั้นเลย แต่เมื่อกลับมาประเทศไทย เต้ย กลับป่วยทันที

ช่วงแรกๆ ที่ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท นุ่น เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ต่างประเทศ เต้ย ไม่รู้สึกคิดถึงบ้าน เพราะเป็นคนชอบท่องเที่ยวและกำลังตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ต่างๆ แต่ในช่วงท้ายๆ ของการถ่ายทำ เต้ย เริ่มคิดถึงบ้านและอยากกลับบ้านมาก

เร แม๊คโดแนลด์ ผู้รับบท ตั้ม ได้อ่านบทภาพยนตร์ทั้งเรื่องครั้งแรกตอน รีด ธรู (Read Through - การที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกันอ่านบท เพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน) ซึ่ง เร ประทับใจบทภาพยนตร์มากจนต้องรีบลุกออกจากโต๊ะเมื่ออ่านจบ เพราะกลัวว่าจะร้องไห้เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นเขาก็เก็บความประทับใจนี้ไปเล่าให้แฟนฟัง และยังออกปากกับผู้สร้างว่า ถ้าได้อ่านบทภาพยนตร์แต่แรก เขาจะยอมแสดงโดยไม่รับค่าตัว

ขณะที่ เร แม๊คโดแนลด์ ผู้รับบท ตั้ม กำลังจะออกเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในต่างประเทศ เกิดเหตุการณ์ประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิพอดี แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ก็สามารถหาตั๋วเครื่องบินมาจนได้ เป็นเที่ยวบินจากอู่ตะเภาไปถึงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ เร ไปถึงอู่ตะเภาก็มีอุปสรรคเป็นพายุเฮอร์ริเคนอีก แต่สุดท้ายก็สามารถเดินทางตามที่วางแผนไว้ได้อย่างราบรื่น

ผู้ชมจะได้เห็นหน้าผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ปรากฏอยู่ในฉากที่ นุ่น ซึ่งรับบทโดย เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ดูวิดีโอผ่านกล้องวิดีโอด้วย

ฉากที่ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ผู้รับบท นุ่น ชูป้ายใหญ่ๆ กลางถนนชองป์ส-เอลิเซส์ ประเทศฝรั่งเศสว่า ใครคิดถึงบ้านให้ปรบมือ ปรากฏว่ามีคนไทยที่เดินอยู่บนถนนสายนั้นปรบมือกันอย่างพร้อมเพรียง และหลังจากถ่ายฉากนี้เสร็จ คนไทยหลายคนที่อยู่ที่นั่นก็พร้อมใจกันมาช่วยดูแลทีมงาน ทำให้นักแสดงและทีมงานประทับใจมาก

ระหว่างแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่าย ชุติมา ได้พบรักกับ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักธุรกิจน้ำมันรำข้าว เป็นครั้งแรกที่ปารีส ขณะฝ่ายชายศึกษาต่อระดับปริญญาโท และภายหลังได้แต่งงานกัน